IntasoINTASO AOL bing Google YAHOO
New Jeans - กางเกงยีนส์ของใหม่สั่งตรงจาก USA       Used Jeans - กางเกงยีนส์มือสองจาก USA คุณภาพดี
Thai clothing : เสื้อผ้าไทย | fashions : แฟชั่น | Purse : กระเป๋าถือสุภาพสตรี | Special Order : ของสั่งพิเศษ | Antiques : ของโบราณ
     The World
๋Jeans - ยีนส์
Fashions - แฟชั่น สตรี บุรุษ
      From Thailand
Thai Clothing
  • 100% Cotton Clothing
  • Thai Silk Dresses
  • Children Clothes.
      Home Page - หน้าแรก

กางเกงยีนส์ที่คนอเมริกันใส่

ประวัติกางเกงยีนส์
ซื่อยีน (Jeans) มาจากภาษาอิตตาลี่ว่า Genoa ซึ่งพวกกลาสีเรือที่มาจาก Genoa ใส่กางเกงที่ใช้ วัสดุในยุโรปทอเป็น ผ้าสำหรับตัดกางเกงที่มีความคงทน สำหรับคำว่าดีนิม (Denim) น่าจะเป็นซื่อของวัสดุที่ใช้ทำผ้า ตัดกางเกงของชาว ฝรั่งเศส (serge de Nimes) จากเมืองนิมส์ (Nimes) ในประเทศฝรั่งเศส

ก่อนศัตวรรที่ 18 หรือปี คศ ก่อนช่วงปี1800 ผ้าตัดกางเกงยีนใช้วัสดุหลายชนิดทอเป็นผ้าตัดกางเกงยีนส์ แต่ในช่วงปี 1800 ได้ใช้แรงงานของพวกทาสปลูกฝ้ายเพื่อใช้ทำยีนส์ และทอเป็นผ้าที่หนาและแน่น แล้วย้อมสีด้วย เปลือกไม้ที่หา ได้ในอเมริกาและอินเดีย ทำให้สีกางเกงยีนส์มีสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์เหมาะ่เพื่อทำงานหนัก

ในช่วงปี 1848 เป็นยุคการขุดหาทองในแคลิฟอร์เนีย California ซึ่งสถานที่นั้นอยู่ี่ไม่ไกลจาก San Francisco พวกขุดหาทองต้องการกางเกงที่มีความคงทน ไม่ขาดง่าย ในปี 1853 Leob Strauss ย้ายจาก New York มาอยู่ที่ San Francisco และทำกิจการผู้ขายส่งเสื้อผ้าไปยังร้านจำหน่าย และต่อมาเขาเปลี่ยนชื่อเป็น Levi Strauss พวกขุดทอง มีปัญหาที่กระเป๋ากางเกงขาดจากตัวกางเกง Jacob Davis เป็นผู้คิดใช้ กระดุมโลหะป้ำช่วยการเย็บ ติดไปกับตัวกางเกง เพื่อแก้ปัญหานี้ และได้ขายความคิดให้ Levi Strauss ซึ่ง Levi ได้ใช้ทองแดงทำกระดุมดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันเห็นได้ ที่กระเป๋าด้านหน้า

ในปี คศ 1886 Levi เย็บป้ายแผ่นหนังที่แสดงการจดลิขสิทธิ์กางเกงของเขาเมื่อ May 20, 1873 โดยมีเครื่องหมาย การค้ารูปม้าสองตัวดึงกางเกงก็ยังไม่ขาด แสดงถึงความคงทนแข็งแรงของกางเกงยีนส์ Levi

กางเกงยีนส์มีชื่อขึ้นมาเพราะ Hollywood สร้างหนังประเภท Cowboys และนักแสดงใส่กางเกงยีนส์ ทำให้กางเกงยีน เป็นที่นิยมในหมู่คนภาคตะวันตกของอเมริกา ด้วยจุดเด่นที่กางเกงยีนส์มีความคงทนในทุกสภาพการใช้งาน มีเหมือนคำ โฆษณากางเกงยีนส์ ให้พวกที่อยู่ทางอเมริกาตะวันออกเอากลับไปบ้านด้วย 'dude ranches' and took pairs of denim 'waist overalls'

ในช่วงก่อนปี 1950 กางเกงยีนเรียกกันว่า 'Denim' หรือ 'Jeans' หรือ 'waist overalls' แต่ในช่วง 1950 พวกวัยรุ่นตามนักแสดง TV และภาพยนต์ใส่กางเกง 'Denim' หรือ 'waist overalls' และต่อมา้เรียกกันว่ากางเกงยีนส์ 'jean pants' มาถึง ทุกวันนี้

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกันนำกางเกงยีนส์ 'waist overalls' หรือเข้าใจว่า "แค่กางเกงก็แสดงตัวคุณได้" ไปใส่ในช่วงผักผ่อนจากการรบ ทำให้กางเกงยีนส์เป็นที่รู้จักไปทั่ว และในช่วงนี้ที่ Wrangler ไดมา้เป็นคู่แข่งของ Levi ในด้ายนอกของอเมริกันภาคตะวันตกด้วย

ในช่วงปี 1960 แบบของยีนส์มีหลายชนิด พวกนักศึกษา และพวก Hippies เอาสีมาวาดเป็นรวดลายต่างๆ บนกางเกง เป็นที่นิยมกันไปทั่ว

ในช่วงปี 1980 เป็นช่วงที่นักออกแบบที่มีชื่อ ออกแบบกางเกงยีนส์เพื่อยี่ห้อของตน ทำให้เกิดแฟชั่นยีนส์ขึ้นมา

กางเกงยีนส์มีหลายชนิด ใส่กันแบบใครชอบอะไรใส่อย่างนั้น

การใส่กางเกงยีนส์ของคนอเมริกัน เรียกว่าตามใจฉัน ซึ่งมีทั้งชนิดรัดรูป ชนิดใส่หลวมขึ้นมาหน่อย หรือหลวมมาก ขายาวเกินชนิดลากดินปลายขาขาดก็ใส่กัน หรือขายาวพอดีดูสุถาพ มีให้เลือกแล้วแต่ใครจะชอบอะไร ไม่เหมือนกางเกง ทั่วๆไป ทั้งนี้เพราะคนอเมริกันมีหลายขนาด ทั้งผอม ทั้งอ้วนน้อย อ้วนมาก สูงมาก สูงน้อย กางเกงยีนส์จึงเป็นที่นิยม แถมยังทนทาน .ใส่กันขาดรุ่ยตรงไหน ส่วนอื่นก็ยังคงทนไม่ขาดตามไปด้วย การใส่กางเกงยีนส์ของคนอเมริกันไม่มีกฏเกณฑ์ที่แน่นอน เมื่อกล่าวถึงแฟชั่น จะเห็นว่ากางเกงยีนส์เอวต่ำจะใส่กันเฉพาะในกลุ่มสุภาพสตรี แต่ตอนนี้กางเกงยีนส์ผู้ชายเอวต่ำ ก็มีขาย นี่เหละการใส่กางเกงยีนสที่์ใส่กันตามใจฉัน ไม่มีการว่าเขาว่าเรา

อ้างอิง The History of Jeans ที่่ www.newint.org

บั้นท้ายยาน 

 

Copyright © 2008: wwww.intaso.com